วันอังคารที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2555

ขลุ่ยรีคอร์เดอร์



ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต
ขลุ่ยรีคอร์เดอร์ (Recorder) เป็นเครื่องเป่าดนตรีสากล จัดอยู่ในประเภทเครื่องเป่าลมไม้ชนิดไม่มีลิ้น เป็นเครื่องดนตรีที่มีขนาดเล็ก โครงสร้างที่ไม่ซับซ้อน ราคาถูก จึงเหมาะสำหรับนำมาใช้ฝึกหัดปฏิบัติเครื่องดนตรีสำหรับนักเรียน.....
รีคอร์เดอร์ (Recorder ) มีประวัติอันยาวนาน นักประวัติศาสตร์เครื่องดนตรีได้กล่าวไว้ว่า มีมาตั้งแต่สมัยคริสต์ศตวรรษที่ 12 ซึ่งในสมัยนั้นเครื่องเป่าลมไม้ที่ได้รับความนิยมคือ ฟลาโกเล็ท (flageolet) ซึ่งมีรูนิ้วค้ำ 2 รู และรูนับเสียง 4 รู แต่เมื่อรีคอร์เดอร์ได้พัฒนาขึ้นในตอนปลายคริสต์ศตวรรษที่ 14 จากหลักฐานที่บันทึกเก่าแก่ที่สุดของ Henry Earl of Derby ซึ่งต่อมาได้สถาปนาเป็นพระเจ้าเฮนรี่ที่ 4 ได้เรียกเครื่องดนตรีนี้ว่า Fisula nomic Recorder (A pipe called a memento) หมายถึง “ เครื่องดนตรีที่เป็นท่อเรียกว่าเครื่องดนตรีแห่งความคิดถึง ความทรงจำ” และด้วยเสียงที่มีความไพเราะอ่อนหวาน นุ่มนวล จึงทำให้รีคอร์เดอร์ ได้รับความนิยมเข้ามาแทนฟลาโกเล็ท โดยเฉพาะอังกฤษจนสามารถกล่าวได้ว่าเป็นประเทศที่ให้กำเนิดขลุ่ยรีคอร์เดอร์ รีคอร์เดอร์ได้ผ่านการพัฒนามาเป็นเวลานาน นับตั้งแต่สมัยกลาง เป็นที่นิยมมาก ในยุคเรเนซองค์ (Renaisance; 1450-1650) จนกระทั่งเจริญรุ่งเรืองสุดขีดในสมัยบาโร้ค (Baroque) ดังปรากฏงานประพันธ์ที่ประพันธ์ว้สำหรับขลุ่ยรีคอร์เดอร์ โดยคีตกวีคนสำคัญ ๆ เช่น เพอเซล (Henry Percell) บ๊าค (Bach) แฮนเดิล (Handell) และเริ่มหมดความนิยมเนื่องจากมีฟลุ้ทเข้ามาแทน แต่ต่อมาเมื่อถึงสมัยคลาสสิก (Classic) ขลุ่ยรีคอร์เดอร์ กลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง แต่ด้วยเสียงที่มีความเบามากจึงทำให้ไม่เคยถูกนำไปใช้ในวงซิมโฟนีออร์เคสตร้าเลย จึงทำให้ขลุ่ย รีคอร์เดอร์ค่อย ๆ ลดบทบาทลงไป รีคอร์เดอร์ มีความหมายหลากหลายประการ เช่น รีคอร์เดอร์มีที่มาจากการที่ขลุ่ยชนิดนี้มีเสียงหรือร้องได้คล้ายนก หรือบางครั้งคำว่ารีคอร์เดอร์อาจจะหมายถึงเสียงนกหวีดที่เลียนเสียงร้องของนก หรือนกหวีดที่สร้างขึ้นเพื่อทำเสียงร้องของนกนั่นเอง รีคอร์เดอร์แต่เดิมเป็นท่อนเดียว จนในปลายคริสต์ศตวรรษที่ 17 มีช่างไม้ชื่อ ชอง ฮ็อค เทเทอรี (Chong Hot Teterre) ซึ่งเป็นช่างไม้ในกรุงปารีส ได้สร้างรีคอร์เดอร์ออกเป็น 3 ท่อน เช่นปัจจุบัน และบุคคลที่เริ่มนำขลุ่ยรีคอร์เดอร์ มาฟื้นฟูใหม่ในปี คศ. 1919 คือ Arnold Dolmetsch ซึ่งเป็นช่างทำเครื่องดนตรี และนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาขลุ่ยรีคอร์เดอร์ก็ได้รับความนิยมหันกลับมาเล่นกันใหม่ และกลายเป็นเครื่องดนตรีที่มีความสำคัญยิ่งในระบบการศึกษา เนื่องจากราคาถูกและคุณภาพของเสียงขลุ่ยรีคอร์เดอร์ที่สามารถบรรเลงออกมาสามารถถ่ายทอดความสุนทรีด้านดนตรีได้อย่างวิเศษยิ่งอีกเครื่องหนึ่ง ใบความรู้ที่ 2 : ฐานที่ 2 เรื่อง ประเภทของขลุ่ยรีคอร์เดอร์ เครื่องดนตรีในตระกูลขลุ่ยรีคอร์เดอร์ แบ่งออกได้หลายชนิด แต่ที่ยังคงใช้และปรากฏอยู่ในปัจจุบันแบ่งเป็น 6 ชนิดตามระดับเสียง คือ 1. ขลุ่ยรีคอร์เดอร์ระดับเสียงโซปรานิโน (Sopranino) มีความยาว 9 นิ้ว เป็นขลุ่ยที่เล็กที่สุด และมีระดับเสียงที่สูงที่สุด 2. ขลุ่ยรีคอร์เดอร์ระดับเสียงโซปราโน (Soprano) หรือระดับเสียง Descant เป็นขลุ่ยรีคอร์เดอร์ที่นิยมใช้และพบเห็นได้มาก มีความยาว 12.5 นิ้ว ใช้ในการเล่นแนวทำนอง 3. ขลุ่ยรีคอร์เดอร์ระดับเสียงอัลโต(Alto) หรือระดับเสียง Treble เป็นขลุ่ยรีคอร์เดอร์ที่มี ระดับเสียงต่ำกว่าขลุ่ยรีคอร์เดอร์ โซปราโน 5 ระดับเสียง นิยมใช้บรรเลงคู่กับขลุ่ยรีคอร์เดอร์โซปราโน มีความยาว 18.5 นิ้ว หรือมีความยาวเป็นสองเท่าของรีคอร์เดอร์โซปรานิโน 4. ขลุ่ยรีคอร์เดอร์ระดับเสียงเทเนอร์ (Tenor) เป็นรีคอร์เดอร์ที่มีเสียงต่ำกว่าระดับเสียง อัลโต นิยมใช้ผสมวงรีคอร์เดอร์ มีความยาวประมาณ 25 นิ้ว หรือยาวเป็นสองเท่าของรีคอร์เดอร์โซปราโน 5. ขลุ่ยรีคอร์เดอร์ระดับเสียงเบส (Bass) เป็นเครื่องดนตรีที่มีระดับเสียงต่ำ มีขนาดใหญ่ อ้วน นิยมนำมาเล่นผสมวงรีคอร์เดอร์ มีความยาว 36 นิ้ว ซึ่งยาวเป็นสองเท่าของรีคอร์เดอร์อัลโต 6. ขลุ่ยรีคอร์เดอร์ระดับเสียงเกรทเบส (Great Bass) เป็นเครื่องดนตรีที่มีระดับเสียงต่ำที่สุด ไม่นิยมใช้ พบได้ค่อนข้างน้อย มีความยาว 49 นิ้ว ใบความรู้ที่ 3 : ฐานที่ 3 เรื่อง ลักษณะและส่วนประกอบของขลุ่ยรีคอร์เดอร์ ขลุ่ยรีคอร์เดอร์ (Recorder) เป็นเครื่องดนตรีที่มีลักษณะเป็นท่อตั้งตรง มีปกเป่าและรูเปิดปิดบังคับทิศทางลมเพื่อให้เกิดเสียง ซึ่งแบ่งสัดส่วนออกเป็น 3 ส่วนคือ ส่วนบน ส่วนกลาง และส่วนล่าง โดยส่วนบนเป็นส่วนที่ใช้ปากเป่าทำให้เกิดเสียง ในส่วนกลางและส่วนล่างเป็นส่วนที่ทำให้เกิดเสียงที่ออกมาเป็นระดับเสียงสูงและเสียงต่ำแตกต่างกัน โดยใช้มือซ้ายจับอยู่ที่ส่วนบนและมือขวาจับอยู่ที่ส่วนล่าง โดยใช้นิ้วเปิดปิดรูบังคับทิศทางลม เพื่อให้เกิดระดับเสียงสูงต่ำตามที่ต้องการ รีคอร์เดอร์ โซปราโน เป็นขลุ่ยรีคอร์เดอร์ที่มี 3 ส่วนประกอบเข้าด้วยกันคือ  ส่วนบน คือ กำพวดและปากนกแก้ว  ส่วนกลาง คือ รูนิ้วและท่อลม  ส่วนล่าง คือ รูนิ้วและลำโพง ทั้ง 3 ส่วนนี้จะทำหน้าที่อย่างสัมพันธ์กัน จะขาดส่วนใดส่วนหนึ่งไม่ได้ ซึ่งความสำคัญของแต่ละส่วนมีดังนี้ 1. กำพวด บริเวณปากเป่าใช้บังคับทิศทางลมเพื่อไปกระทบกับปากนกแก้วและรูนิ้ว บังคับเสียง เพื่อให้เกิดเสียงสูงต่ำ ดังเบา ยาวสั้นตามต้องการ 2. ปากนกแก้ว อยู่บนเลาขลุ่ยตรงสุดปลายของกำพวด ตรงกับช่องปากเป่าพอดี ห่างจาก กำพวดด้านบนประมาณ 1.5 นิ้ว ปากนกแก้วมีลักษณะเป็นช่องสี่เหลี่ยมผืนผ้ายาวประมาณ 0.5 เซนติเมตร กว้างประมาณ 1 เซนติเมตร แต่ส่วนยาวนั้นเท่าที่เป็นรูจริง ๆ ยาวประมาณ 0.5 เซนติเมตร ส่วนที่เหลือด้านล่างจะเซาะเอียงจากผิวลำตัวเข้าไปทะลุด้านในของตัวขลุ่ย ที่ทำเช่นนี้ก็เพื่อจะให้เกิดเป็นเสียงขลุ่ยนั่นเอง 3. รูนิ้วและรูนิ้วค้ำ รูเหล่านี้จะเจาะอยู่ห่างด้านบนของเลาขลุ่ย ซึ่งมีทั้งหมด 10 รูด้วยกัน รูแรกห่างจากกำพวด 5.5 นิ้ว ส่วนรูสุดท้ายอยู่ห่างจากลำโพง 1.5 นิ้ว รูแต่ละรูเจาะห่างกันประมาณ 1 นิ้ว รูเหล่านี้มีไว้สำหรับเปิด-ปิดบังคับเสียง ให้เกิดเป็นเสียงสูงต่ำตามที่ต้องการ 4. ท่อลม เป็นส่วนที่ลมผ่านเข้าไปในกำพวด ผ่านปากนกแก้ว รูนิ้วไปจนถึง ลำโพงส่วนปลายสุดของขลุ่ยรีคอร์เดอร์โซปราโน เพื่อกระทบกับส่วนต่าง ๆ ทำให้เกิดเสียงตามที่ต้องการ 5. ลำโพง เป็นส่วนที่ทำให้เกิดเสียง เมื่อเพิ่มจำนวนลมผ่านปากนกแก้ว รูนิ้วและท่อลม มากขึ้นเท่าใดเสียงที่ออกมาก็จะดังขึ้นตามลมที่เป่าออกมา หรือถ้าเป่าลมจำนวนน้อยเสียงที่ออกมาก็จะเบาตามลักษณะลมที่เป่า โดยลำโพงมีหน้าที่ขยายเสียงตามที่ต้องการของผู้เป่า ภาพแสดงส่วนประกอบขลุ่ยรีคอร์เดอร์ ใบงานที่ 3 : ฐานที่ 3 เรื่อง ลักษณะและส่วนประกอบของขลุ่ยรีคอร์เดอร์ คำสั่ง ให้สมาชิกในกลุ่มของท่านร่วมกันทบทวนความรู้จากใบความรู้ที่ 3 แล้วบอกชื่อส่วนประกอบของขลุ่ยรีคอร์เดอร์ที่กำหนดให้ ใบเฉลย : ใบงานที่ 3 เรื่อง ลักษณะและส่วนประกอบของขลุ่ยรีคอร์เดอร์ ใบความรู้ที่ 4 : ฐานที่ 4 เรื่อง วิธีดูแลรักษาและเก็บขลุ่ยรีคอร์เดอร์ การดูแลรักษาขลุ่ยรีคอร์เดอร์ ขลุ่ยรีคอร์เดอร์โดยทั่วไปแล้วมีวิธีดูแลรักษาดังนี้ 1. นำขลุ่ยรีคอร์เดอร์ ล้างด้วยน้ำสะอาดหรือน้ำอุ่นที่ผสมสบู่อ่อน ๆ ทุกครั้ง หลังการใช้งาน (ดังภาพที่ 1) ภาพที่ 1 แสดงการล้างขลุ่ยด้วยน้ำสะอาด 2. การประกอบหรือถอดขลุ่ยรีคอร์เดอร์ ควรถอดข้อต่อด้วยการค่อย ๆ หมุนออกตามแนวเข็มนาฬิกา ท่อนส่วนหัว(Head Joint) ที่ล้างสะอาดแล้ว ควรเช็ดด้วยผ้านุ่ม ๆ ที่สะอาด ห้ามใช้การสะบัดให้แห้ง เพราะขลุ่ยรีคอร์เดอร์อาจแยกหลุดออกจากกัน หรือหล่นแตกได้ง่าย ดังภาพที่ 2 ภาพที่ 2 แสดงการทำความสะอาดส่วนหัวขลุ่ยรีคอร์เดอร์ 3. การทำความสะอาดส่วนกลาง (Middle Joint) และส่วนท้าย (Foot Joint) โดยวิธีใช้ ผ้านุ่มที่สะอาดเช็ด และการถอดข้อต่อออกจากกัน อาจใช้ไม้หรือแท่งพลาสติกทำความสะอาด โดยสอดผ้าเข้าไปเช็ดข้างในตัวขลุ่ยให้สะอาด ดังภาพที่ 3 ภาพที่ 3 แสดงการทำความสะอาดส่วนกลางขลุ่ยรีคอร์เดอร์ 4. เมื่อเห็นว่าแห้งที่แล้ว ควรทาวาสลินที่บริเวณข้อต่อต่าง ๆ เพื่อง่ายต่อการประกอบ เข้าด้วยกัน และไม่แน่นเกินไปเมื่อจะถอดออกมาทำความสะอาดในครั้งต่อไปดังภาพที่ 4 5. ควรเก็บใส่ซองเก็บ หรือกล่องที่ติดมากับตัวเครื่อง เพื่อความเป็นระเบียบ ฝุ่นไม่เกาะ แล้วนำไปเก็บในตู้ หรือบริเวณที่เก็บเครื่องดนตรีให้เรียบร้อยดังภาพที่ 5 ภาพที่ 4 แสดงการทาวาสลินที่ข้อต่อ ภาพที่ 5 ขลุ่ยรีคอร์เดอร์และซองเก็บ โดยทั่วไปขลุ่ยรีคอร์เดอร์ มือยู่ด้วยกัน 2 ชนิด คือชนิดที่ทำด้วยไม้กับชนิดที่ทำด้วยพลาสติก ซึ่งรีคอร์เดอร์ที่ทำด้วยไม้จะมีราคาแพงกว่า ดูแลรักษาลำบาก ดังนั้นในปัจจุบันจึงนิยมใช้รีคอร์เดอร์ที่ทำด้วยพลาสติก เพราะหาได้ง่ายและมีราคาถูก แต่ไม่ว่าจะเป็นไม้หรือพลาสติก รีคอร์เดอร์ทั้ง 2 ชนิดก็ต้องมีการดูแลรักษาเป็นอย่างดีเพื่อประโยชน์ดังต่อไปนี้ ประโยชน์ของการดูแลรักษาขลุ่ยรีคอร์เดอร์  เครื่องดนตรีสะอาดไม่เป็นอันตรายต่อผู้เป่า  เพื่อยืดอายุการใช้งานของเครื่องดนตรี  เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย รีคอร์เดอร์ทั้งชนิดไม้และชนิดพลาสติกมีข้อจำกัดในการดูแลรักษาต่างกัน ซึ่งสามารถสรุปได้ดังนี้ รีคอร์เดอร์ชนิดไม้ รีคอร์ดอร์ชนิดพลาสติก 1. หลังจากใช้เสร็จแล้วทุกครั้งต้องทำให้ ทุกส่วนแห้งสนิทโดยการใช้ผ้าแห้งเช็ดให้แห้ง 2. ไม่ควรนำรีคอร์เดอร์ไปเก็บไว้ในที่ ๆ อุณหภูมิเปลี่ยนแปลงสลับไปมา 3. ทาครีมที่ไม้ก้อกที่ใช้สำหรับปิดข้อต่อ ของขลุ่ยรีคอร์เดอร์ เพื่อไม่ให้ไม้ก๊อกแห้ง 4. ส่วนต่าง ๆ ของข้อต่อต้องทาด้วย น้ำมันรักษาเนื้อไม้บาง ๆ ทุก 6 เดือน 1. ต้องทำความสะอาดทุกครั้งด้วยน้ำสบู่ อ่อน ๆแล้วล้างด้วยน้ำอุ่น 2. ใช้ผ้าเช็ดให้สะอาดและแห้ง 3. ถอดส่วนต่าง ๆ ของขลุ่ยออกมาทำ ความสะอาดด้วยการใช้ไม้สอดผ้าเช็ดทำความสะอาด ใบงานที่ 4 : ฐานที่ 4 เรื่อง วิธีดูแลรักษาและเก็บขลุ่ยรีคอร์เดอร์ คำชี้แจง ให้นักเรียนนำขลุ่ยรีคอร์เดอร์มาถอดทำความสะอาด ประกอบขลุ่ยรีคอร์เดอร์ และเก็บให้เรียบร้อยถูกต้องตามวิธีการดูแลรักษาขลุ่ยรีคอร์เดอร์ที่ได้ศึกษามาจากใบความรู้ที่ 4 เกณฑ์การพิจารณาให้คะแนน 3 ถอดทำความสะอาดขลุ่ยรีคอร์เดอร์และประกอบขลุ่ยถูกต้องตามขั้นตอน 2 ถอดทำความสะอาดขลุ่ยรีคอร์เดอร์และประกอบขลุ่ยสลับขั้นตอน 1 ไม่ถอดทำความสะอาดขลุ่ยรีคอร์เดอร์และไม่ประกอบขลุ่ยตามขั้นตอน ใบเฉลย : ใบงานที่ 4 เรื่อง วิธีดูแลรักษาและเก็บขลุ่ยรีคอร์เดอร์ คำชี้แจง ให้นักเรียนนำขลุ่ยรีคอร์เดอร์มาถอดทำความสะอาด ประกอบขลุ่ยรีคอร์เดอร์ และเก็บให้เรียบร้อยถูกต้องตามวิธีการดูแลรักษาขลุ่ยรีคอร์เดอร์ที่ได้ศึกษามาจากใบความรู้ที่ 4 1. นำขลุ่ยรีคอร์เดอร์ ล้างด้วยน้ำสะอาดหรือน้ำอุ่นที่ผสมสบู่อ่อน ๆ ทุกครั้ง 2. การประกอบหรือถอดขลุ่ยรีคอร์เดอร์ ควรถอดข้อต่อด้วยการค่อย ๆ หมุนออกตามแนวเข็มนาฬิกา ท่อนส่วนหัว(Head Joint) ที่ล้างสะอาดแล้ว ควรเช็ดด้วยผ้านุ่ม ๆ ที่สะอาด ห้ามใช้การสะบัดให้แห้ง เพราะขลุ่ยรีคอร์เดอร์อาจแยกหลุดออกจากกัน หรือหล่นแตกได้ง่าย 3. การทำความสะอาดส่วนกลาง (Middle Joint) และส่วนท้าย (Foot Joint) โดยวิธีใช้ ผ้านุ่มที่สะอาดเช็ด และการถอดข้อต่อออกจากกัน อาจใช้ไม้หรือแท่งพลาสติกทำความสะอาด โดยสอดผ้าเข้าไปเช็ดข้างในตัวขลุ่ยให้สะอาด 4. เมื่อเห็นว่าแห้งที่แล้ว ควรทาวาสลินที่บริเวณข้อต่อต่าง ๆ เพื่อง่ายต่อการประกอบ เข้าด้วยกัน และไม่แน่นเกินไปเมื่อจะถอดออกมาทำความสะอาดในครั้งต่อไป 5. ควรเก็บใส่ซองเก็บ หรือกล่องที่ติดมากับตัวเครื่อง เพื่อความเป็นระเบียบ ฝุ่นไม่เกาะ แล้วนำไปเก็บในตู้ หรือบริเวณที่เก็บเครื่องดนตรีให้เรียบร้อย

ที่มา http://www.kroobannok.com/blog/34521

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น